Dan Nigro เล่าถึงความไม่ย่อท้อ การโปรดิวซ์ผลงานให้ Olivia Rodrigo และการบังคับตัวเอง
อดีตนักร้องนำวง As Tall As Lions มาแชร์กลเม็ดเคล็ดลับในการแต่งและโปรดิวซ์ผลงานเพลงชั้นเยี่ยมร่วมกับศิลปินเพลงป็อปชื่อดัง
ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนเพลงแนวอีโม แนวป็อป หรือทั้งคู่ คุณน่าจะเคยได้ยินเพลงของ Dan Nigro มาบ้างแน่ๆ นับตั้งแต่วง As Tall As Lions แยกย้ายกันไปในปี 2010 นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์จากลองไอแลนด์ผู้นี้ก็ได้ร่วมงานกับศิลปินป็อปชื่อดังหลายคน ร่ายตั้งแต่ Olivia Rodrigo, Sky Ferreira, Alexander 23, Conan Gray, Carly Rae Jepsen, Kylie Minogue และอีกมากมายนับกันไม่หวาดไม่ไหว
Nigro ให้สัมภาษณ์ในซีรีส์ Songwriter Saturday ของเราที่จัดโดย Alyssa Cotsalas อย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการเปลี่ยนบทบาทจากนักร้องนำที่เป็นจุดเด่นของวงไปสู่การเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานเพลงป็อปที่ใครๆ ก็อยากร่วมงานด้วย และให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีนำประสบการณ์ของตัวเองสมัยอยู่หน้าเวทีมาผลักดันผลงานของศิลปินที่ตนร่วมงานด้วยสู่การสร้างสรรค์ในอีกระดับ
เผยสิ่งที่คุณชอบ
Nigro เล่าให้ฟังว่าในตอนที่โปรดิวซ์ Sour อัลบั้มเดบิวต์ของ Olivia Rodrigo "เพลงแรกที่เราแต่งด้วยกันตั้งแต่ต้น [คือ] 'Favorite Crime' เราแต่งกันเร็วมาก และผมก็หยิบกีตาร์อะคูสติกขึ้นมาเล่นแบบสบายๆ อย่างนั้นเลย เสียงกีตาร์ที่คุณได้ยินในเพลงจากห้องอัดก็คือเสียงกีตาร์อะคูสติกเดโมที่ผมอัดในวันนั้นนั่นแหละ... ตอนที่เราส่งเพลงนี้ให้กับค่ายเพลง ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า 'อย่างคูลเลยจารย์' ไม่มีใครพูดว่า 'งั้นๆ ไม่ชอบอะ' แต่ก็ไม่มีใครพูดว่า 'อื้อหื้อ เพลงนี้มันผลงานชิ้นเอกเลยนะเนี่ย'"
Nigro เล่าว่า "ก่อนที่จะปล่อย 'Driver's License' ออกมา เรากำลังจะทำ [Sour] เป็น EP และเราก็ไม่ได้เลือกให้ 'Favorite Crime' อยู่ในนั้น แต่ทันทีที่ปล่อย 'Driver's License' ออกมาแล้ว Olivia ตัดสินใจว่าอยากให้เราเอา EP นี้มาทำเป็นอัลบั้ม... ผมถาม Olivia ว่า 'คุณคิดว่า 'Favorite Crime' เป็นไง' เธอก็แบบว่า 'ฉันชอบเพลงนั้น' แล้วเราก็แบบ 'เดี๋ยวนะ เราทั้งคู่ชอบเพลงนี้ แต่กลับไม่มีใครเลือกเพลงนี้ตอนที่เราทำขึ้นมาเลยเหรอเนี่ย' แล้วจากนั้น เพลงนี้ก็กลายมาเป็นผลงานเพลงชิ้นสำคัญขึ้นมาทันที"
ต่อจิ๊กซอว์
"ผมชอบให้คนเอาไอเดียมาให้ เพราะผมชอบนั่งอยู่หน้าเปียโนแล้วหาคอร์ดที่ใช่ อารมณ์เพลงเป็นแบบไหน เป็นเพลงที่สนุก หรือเป็นเพลงเศร้า... ผมชอบประกอบชิ้นส่วนจิ๊กซอว์เหล่านั้นเข้าด้วยกันตามเนื้อหาของเพลงนั้นๆ" Nigro กล่าว
"ผมเคยอยู่วงอีโมมาก่อน เลยเข้าใจอารมณ์ของงานเพลงประเภทนั้นด้วย ดังนั้น ผมจึงสามารถช่วยแนะแนวทางได้ แบบว่า 'ใช่เลย แนวคิดนั้นเยี่ยมเลย น่าจะเหมาะกับจังหวะกลองแบบนี้หรือแบบนั้นมากๆ'"
เข้าใจเรื่องการเมือง
Nigro อธิบายว่าการแต่งเพลงให้คนอื่นนั้น "มีเรื่องการเมืองปะปนอยู่เยอะ ส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นอยู่กับว่าคุณรู้จักกับใคร และผมรู้สึกว่าส่วนมากเป็นเรื่องที่ว่าใครเป็นเพื่อนกับใคร"
"ดนตรีเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล ซึ่งหลายๆ คนไม่สามารถบอกได้จริงๆ ว่าเพลงไหนจะเป็นเพลงที่ยอดเยี่ยม ผมคิดว่าเพลงดีกับเพลงดังมันมีสิ่งที่ต่างกันมากอยู่"
บังคับตัวเอง
"ตอนเริ่มแต่งเพลงแรกๆ สมัยอายุ 14, 15, 16 ผมรู้สึกว่าอยากจะแต่งเพลงอยู่ตลอด แต่พอได้เซ็นสัญญา ผมกลับเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดัน ผมเคยคิดมาตลอดว่าเพลงที่ดีที่สุดที่ผมแต่งคือเพลงที่ออกมาเองแบบไม่ต้องพยายาม" Nigro เล่าเรื่องราวในวันวานให้ฟัง
แต่จากนั้นก็ [จะ] มีช่วงเวลาประมาณสองถึงสามเดือนที่ไม่มีอะไรออกมาจากหัวเลย คุณเริ่มรู้ตัวแล้วว่าไม่ได้แล้วนะ คุณต้องบังคับตัวเองให้แต่งเพลงออกมา ต่อให้จะเป็นเพลงที่ไม่ดีก็เถอะ ไม่เป็นไรหรอกถ้าคุณจะแต่งเพลงแย่ๆ ออกมาบ้าง เพราะบางครั้งไอเดียเหล่านั้นก็อาจเป็นที่มาของเพลงที่ยอดเยี่ยมได้ แต่จะต้องเริ่มจากสิ่งที่ธรรมดามากๆ ในตอนแรกเสียก่อน" Nigro กล่าว
เป็นคนน่ารำคาญ
"บางครั้งผมก็บอกกับศิลปินที่ร่วมงานด้วยตรงๆ ว่า 'คุณจะต้องเป็นคนน่ารำคาญมากกว่านี้ คุณจะต้องทำให้ผมรำคาญมากกว่านี้' เวลาที่มีคนถามคำถามผมเยอะมากพอ [ผม] จะแบบว่า 'จริงด้วย ต้องทำอย่างนั้นนี่เอง คุณพูดถูก'"
"ผมได้รับข้อความโดยตรงจากเด็กๆ ที่ส่งมาขอคำแนะนำวันละประมาณ 50 ข้อความ แล้วผมก็แบบว่า 'ผมไม่รู้จะพูดยังไงนอกจากว่าพวกเธอก็แค่ต้องพยายามต่อไป คนที่มีความพากเพียร ถามความเห็นจากทุกคน และส่งเดโมเป็นล้านครั้งไปที่ฝ่าย A&R คือคนที่สุดท้ายแล้วจะประสบความสำเร็จ"
Spotify for Artists ช่วยคุณพัฒนาฐานแฟนที่คุณต้องการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย