วิธีที่ Kaskade ใช้ Marquee เพื่อเชื่อมแฟนพันธุ์แท้เข้ากับซิงเกิล "Miles To Go" ของเขา

เป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้วที่ Ryan Raddon สร้างสรรค์ดนตรีเพื่อขับเคลื่อนประสบการณ์งานปาร์ตี้ สร้างความบันเทิงยามค่ำคืน และเยียวยาจิตใจของผู้ฟัง เขาได้สถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในดีเจและโปรดิวเซอร์เพลงชั้นนำของโลก ภายใต้ชื่อในวงการ Kaskade ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่หลายต่อหลายครั้ง และได้เป็นศิลปินหลักในงานเทศกาลดนตรีมากมายทั่วโลกพร้อมกับออกทัวร์คอนเสิร์ตในลาสเวกัส ในปีที่แล้ว เมื่อโลกปิดตัวลงจากผลกระทบ Kaskade เผชิญกับความท้าทายในการนำแบรนด์เพลงที่ให้ความรู้สึกดีๆ ของเขาไปสู่อีกโลกหนึ่ง นั่นก็คือโลกแห่งวิดีโอเกมที่มีชีวิตชีวา

ในเดือนธันวาคม 2020 ทาง Monstercat ค่ายเพลงอินดี้อิเล็กทรอนิกส์ของแคนาดาและ Rocket League เกมรถแข่งฟุตบอลยอดนิยมได้ร่วมมือกับ Kaskade เพื่อโปรโมตซีซันที่มีธีมเป็นเพลงเป็นครั้งแรก สำหรับซีซัน 2 ของ Rocket League ที่อธิบายบนเว็บไซต์ว่าเป็น “การผสมผสานที่ยอดเยี่ยมของฟุตบอลสไตล์อาร์เคดและการสู้กันด้วยรถ” ได้มีการนำเพลงของ Kaskade มาเป็นเพลงประจำตัวของผู้เล่นในเกมและเป็นแทร็กในเพลงประกอบ “เกมและเพลงอิเล็กทรอนิกส์เป็นเหมือนกับงานแต่งงานที่จัดขึ้นท่ามกลางดวงดาว ทุกสิ่งที่ผมสร้างขึ้นสำหรับเกมเหล่านี้ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อให้หมายถึงงานปาร์ตี้ เป็นอีกภาษาที่เกมจะสื่อออกมา” Kaskade กล่าว

แทร็กของ Kaskade ที่มีส่วนร่วมกับ Rocket League ในซีซันนี้ ได้แก่ “Closer,” “Flip Reset”, “Solid Ground” และ “Miles To Go” รวมกันเป็น EP Reset ที่เพิ่งเปิดตัวไป โดยมี “Miles To Go” ที่ร่วมงานกับนักร้อง Ella Vos เป็นซิงเกิลนำของ EP ซึ่งเพลงนี้ไม่ใช่แค่เพลงแดนซ์ทั่วไป แต่เป็นแทร็กพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเวลาและสภาพภูมิอากาศของโลกในปี 2020 “เพลง ‘Miles To Go’ เขียนขึ้นในช่วงเวลาที่โลกทั้งใบกำลังร่ำร้อง” Kaskade อธิบาย “ทั้งหมดที่ผมอยากทำก็คือมอบแรงบันดาลใจและหวังว่าเราจะไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้ได้ จุดหมายปลายทางไม่เคยมีความสำคัญเท่ากับการเดินทาง และ ‘Miles To Go’ ก็ได้บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางนั้น”

ขณะที่ Kaskade และทีมงานเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวเพลงประจำตัวที่สร้างแรงบันดาลใจในเดือนมีนาคม พวกเขามีเป้าหมายสองประการอยู่ในใจ ซึ่ง “เป้าหมายสำหรับ ‘Miles To Go’ คือการแนะนำ Kaskade ให้แฟนกลุ่มใหม่ในชุมชนเกมได้รู้จัก พร้อมกับรับประกันว่าซิงเกิลนั้นจะถูกใจผู้ฟังหลักของเขา” Tabitha Neudorf หัวหน้าฝ่ายการตลาดเพลงของ Monstercat กล่าว พวกเขาร่วมมือกับเกม Rocket League และ Fortnite ที่ได้รับความนิยมตลอดกาลเพื่อสร้างกลุ่มผู้ฟังในชุมชนเกม และเพื่อดึงดูดแฟนๆ ที่อาจไม่เคยทราบข่าวเรื่องการไทอินในเกมมาก่อน พวกเขาจึงหันไปใช้ Marquee โดย Neudorf กล่าวเสริมว่า “Marquee เป็นส่วนสำคัญในแคมเปญของเราเพื่อสร้างความมั่นใจว่าแฟนพันธุ์แท้ของ Kaskade และ Ella Vos จะรู้สึกอินไปกับซิงเกิลนี้”

การใช้คุณสมบัติของ Marquee อย่างมีชั้นเชิงยังช่วยเติมเต็มกลยุทธ์การออกผลงานของพวกเขาด้วย พวกเขาเริ่มต้น Marquee หนึ่งสัปดาห์หลังจากการปล่อยแทร็ก เพื่อยืดช่วงอายุของซิงเกิลให้นานกว่าแค่ในเกมและการเปิดตัวครั้งแรก การออกแคมเปญเกี่ยวกับเพลงทำให้ผู้ฟังทั่วไปเพิ่มจำนวนขึ้นเองก่อนที่จะกระตุ้นด้วยรายการแนะนำแบบเต็มหน้าจอของ Marquee และด้วยความสามารถในการกำหนดเป้าหมายของ Marquee พวกเขาจึงสามารถเข้าถึงแฟนๆ ชาวอเมริกันที่เหมาะสมได้ “ด้วยความสามารถในการกำหนดเป้าหมายผู้ฟังของศิลปินทั้ง Kaskade และ Ella Vos เราสามารถใช้วิธีการโฆษณาแบบเดียวเพื่อเข้าถึงสองกลุ่มผู้ฟังที่แตกต่างกัน” Neudorf กล่าว กลยุทธ์การโปรโมตข้ามกลุ่มผู้ฟังนี้ช่วยให้ศิลปินแต่ละคนสามารถขยายกลุ่มผู้ฟังของตนเองได้

กลยุทธ์ของพวกเขาประสบความสำเร็จ ผู้ฟังแต่ละคนที่ได้เห็น Marquee มีการสตรีมซิงเกิลโดยเฉลี่ยสามครั้งและไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดสตรีม Neudorf กล่าวว่า “ด้วยอัตราการบันทึกที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้แทร็กมีอายุยืนยาว เรารู้สึกตื่นเต้นที่พบว่าผู้ฟังมากกว่า 20% ที่เห็น Marquee ได้บันทึกเพลงหรือเพิ่มเพลงลงในเพลย์ลิสต์ส่วนตัวของพวกเขา” แคมเปญที่มีประโยชน์หลายด้านสำหรับ “Miles To Go” และ EP Reset ทำให้ยอดสตรีมสำหรับผลงานใหม่ของ Monstercat ในวันแรกและสัปดาห์แรกสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ในระหว่างที่เขียนบทความนี้ “Miles To Go” มียอดการฟังบน Spotify ประมาณ 4.7 ล้านครั้ง