วิธีที่แคมเปญ Marquee ของ Wolf Alice ผลักดันให้อัลบั้มเพลงร็อกล่าสุดของวงมียอดสตรีมเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าต่อผู้ฟังหนึ่งราย

Timothy "timmhotep" Cornwall / September 17, 2021

วงอัลเทอร์เนทีฟร็อกจากสหราชอาณาจักรและค่ายเพลงต้นสังกัด Dirty Hit ใช้ Marquee และ Canvas เพื่อสร้างประสบการณ์อันดื่มด่ำสำหรับแฟนๆ เพลงร็อกบน Spotify

จากเพลงฮิตที่ประสบความสำเร็จอย่าง “Don't Delete the Kisses” และ “Bros” ซึ่งได้รับคำวิจารณ์ในแง่ดีอย่างล้นหลามจากสื่อสิ่งพิมพ์อย่าง NME รวมถึงรางวัล Mercury Prize สำหรับอัลบั้มที่สองในปี 2017 ที่ชื่อว่า Visions Of A Life ทำให้ Wolf Alice เป็นหนึ่งในวงร็อกที่โด่งดังที่สุดในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ดังนั้นในขณะที่วงและค่ายเพลงต้นสังกัด Dirty Hit กำลังวางกลยุทธ์ในการเปิดตัวสตูดิโออัลบั้มชุดที่สามอย่าง Blue Weekend เป้าหมายของพวกเขาจึงเป็นการสร้างกระแสให้ครึกโครมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และทำให้แน่ใจว่าชื่อและเพลงของ Wolf Alice จะเป็นที่กล่าวถึงไปทั่วเมื่ออัลบั้มปล่อยออกมาในเดือนมิถุนายนของปีนี้ “หลังจากชนะรางวัล Mercury prize และได้รับคำชมอย่างล้นหลามจากนักวิจารณ์ เราก็รู้สึกว่าต้องยกระดับขึ้นไปอีก” Perdi Higgs ผู้จัดการด้านการโปรโมตทางการสตรีมและดิจิทัลของ Dirty Hit กล่าว ซึ่งในที่นี้ “การยกระดับ” หมายถึงการมุ่งเน้นไปที่ความสำเร็จจากการสตรีมและการมีส่วนร่วมของแฟนๆ บน Spotify ให้มากขึ้นเพื่อกระตุ้นให้วงเป็นที่รู้จักในหมู่แฟนๆ ที่ดื่มด่ำไปกับการฟังเพลงร็อก

Higgs หันมากระหน่ำใช้เครื่องมือ Canvas และ Marquee ของ Spotify for Artists ที่จะช่วยสร้างกระแสได้อย่างดีให้กับกิจกรรมในช่วงที่เปิดตัวอัลบั้ม Blue Weekend และกระตุ้นให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมกับเพลงของวงอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นในระยะยาว

“หลายๆ กลยุทธ์ของเราคือการทำให้แน่ใจว่าเรากำลังใช้เครื่องมือเพื่อดึงฐานแฟนเพลงให้กลับมาฟังอีกครั้งและช่วยกระตุ้นยอดผู้ติดตามตั้งแต่ก่อนที่จะเปิดตัวเพลงใหม่เสียด้วยซ้ำ” ก่อนที่ผลงานของอัลบั้มจะออก ทางวงได้ใช้ Canvas เพื่อดึงความสนใจให้กับเพลงใหม่ โดยเพิ่มรูปภาพใหม่ลงในแคตตาล็อกเดิมของ Wolf Alice จากนั้นทางวงก็ได้สร้าง Canvas ให้กับแต่ละเพลงในอัลบั้มใหม่

“ฐานแฟนเพลงที่มีส่วนร่วมคือผู้ที่เต็มใจเปิดรับผลงานที่คุณกำลังจะปล่อยออกมาอย่างต็มรูปแบบ แฟนเพลงเหล่านั้นใช้เวลาทำความเข้าใจอัลบั้ม และ Blue Weekend ก็เชื่อมโยงกับภาพของอัลบั้ม เราได้เปิดตัววิดีโออย่างเป็นทางการของแต่ละแทร็กในอัลบั้ม ซึ่งจะรับชมได้บนแพลตฟอร์มพร้อมกับ Canvas ที่ไม่ซ้ำกัน 11 รายการสำหรับแต่ละเพลง เราต้องการสร้างประสบการณ์ที่ฐานแฟนเพลงเหล่านี้มีส่วนร่วม เพราะพวกเขากำลังซึมซับผลงานทั้งอัลบั้มในทุกรูปแบบในขณะที่กำลังเสพผลงานเหล่านั้น” Higgs อธิบาย

เมื่อผู้ฟังพร้อมจะฟัง Blue Weekend จนเต็มแก่ ก็ได้เวลาสร้างเสียงฮือฮาในวันปล่อยผลงาน Dirty Hit เริ่มต้นแคมเปญ Marquee ในสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนซึ่งเป็นวันปล่อยอัลบั้ม โดยบอกให้แฟนๆ รู้ว่าอัลบั้มใหม่ที่รอคอยในที่สุดก็เปิดตัวในวันศุกร์นั้นแล้ว “ในสัปดาห์แรกนั้นเป็นเรื่องของการทำให้ทุกคนได้เห็น Wolf Alice อยู่ในทุกที่” [เราต้องการให้ผู้คน] ได้ฟังเพลงของวงทางวิทยุ เห็นวงบน Spotify รับชมวงในทีวี เห็นป้ายโฆษณาของวงในลอนดอน ฯลฯ สำหรับเรา Marquee ไม่ได้เป็นเพียงวิธีการดึงดูดผู้ฟังเท่านั้น แต่ยังเป็นการสื่อสารโดยไม่ต้องใช้คำพูด” Higgs กล่าว

การผสมผสานกลยุทธ์การมีส่วนร่วมกับผู้ฟังก่อนเปิดตัวผลงาน และใช้ Marquee เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการรับรู้ในระดับสูงเมื่อปล่อยอัลบั้มนั้นให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม โดยจะเห็นได้ชัดจากยอดสตรีมเฉลี่ย 32 ครั้งต่อผู้ฟังหนึ่งราย ในความเป็นจริงพบว่ามีผู้ฟัง Spotify ถึง 35.8% ที่เห็น Marquee ได้เข้าไปสตรีม Blue Weekend ต่อภายในสองสัปดาห์ แฟนๆ ไม่เพียงให้ความสนใจ แต่ยังใช้เวลากับเพลงนี้อีกด้วย “เรารู้สึกประทับใจมากกับผลลัพธ์ที่ได้เมื่อเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์ม [การโปรโมต] อื่นๆ สิ่งที่ได้เห็นนั้นน่าทึ่งมาก เพราะแสดงให้เห็นว่าผู้คนกำลังเสพงานเพลงอย่างเต็มที่และใจเย็น” Higgs กล่าว

แคมเปญ Marquee ให้ผลลัพธ์ในเชิงบวก ไม่ใช่แค่กับการมีส่วนร่วมของแฟนๆ ในวันปล่อยผลงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเพิ่มจำนวนฐานแฟนพันธ์แท้ซึ่งเป็นเป้าหมายของ Dirty Hit โดยผู้ฟัง 34% ที่เห็น Marquee บันทึกหรือเพิ่มแทร็กจากอัลบั้มลงในเพลย์ลิสต์ (เราเรียกสิ่งนี้ว่า "อัตราความสนใจ") นี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าวงเข้าถึงผู้ฟังถูกกลุ่มแล้ว ซึ่งเป็นชัยชนะของทั้งวง ค่ายเพลง และของ Higgs เองตามคำกล่าวที่ว่า ”แม้จะคาดกันว่าเพลงร็อกและอัลเทอร์เนทีฟคงไม่เหมาะกับการสตรีมมากนัก แต่สำหรับผม พวกเขามีแฟนพันธุ์แท้ที่น่าทึ่งซึ่งส่วนร่วมกับวงมากที่สุดอยู่ที่นั่น และผมคิดว่าเรื่องนั้นมีสิ่งที่น่าศึกษาอยู่มาก”

เชื่อมต่อกับเรา

เรายินดีที่จะแบ่งปันข้อมูลใหม่ล่าสุดเพิ่มเติมในขณะที่เราขยายขอบเขตของ Marquee อย่างต่อเนื่อง คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ในคู่มือการเริ่มต้นใช้งาน Marquee และดูข้อมูลอัปเดตใหม่ๆ ได้บนเว็บไซต์ของเรา

หากคุณสนใจที่จะใช้ Marquee เพื่อกำหนดเป้าหมายผู้ฟังในตลาดทั้ง 36 แห่ง ซึ่งรวมถึงบราซิล ฝรั่งเศส เยอรมนี เม็กซิโก สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา และคุณมีผลงานใหม่ที่เข้าเกณฑ์ ก็ทำผ่านแดชบอร์ด Spotify for Artists ได้เลย ดูรายชื่อการกำหนดเป้าหมายของ Marquee ทั้งหมดได้ที่นี่ Marquee พร้อมให้บริการโดยตรงใน Spotify for Artists สำหรับตลาดที่ได้รับคัดเลือก หากคุณอยู่ในตลาดเหล่านี้ ให้ตั้งค่าประเทศสำหรับการเรียกเก็บเงิน แล้วไปที่แท็บแคมเปญเพื่อเริ่มต้นใช้งาน Marquee

Spotify for Artists ช่วยคุณพัฒนาฐานแฟนที่คุณต้องการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

แชร์เรื่องราวนี้