
เริ่มต้นใช้งาน Marquee
การแนะนำในแอปเหล่านี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ผู้ฟังที่ใช่มุ่งความสนใจไปที่ผลงานใหม่ของคุณบน Spotify เรียนรู้วิธีการทำงานของเครื่องมือ เหตุผลที่ทำให้เครื่องมือนี้ได้ผล และวิธีจัดแคมเปญของคุณเอง
ค้นพบวิธีที่ศิลปิน 7 รายซึ่งมีแนวเพลงและเป้าหมายหลากหลายแบบ เพิ่มยอดสตรีมให้กับเพลงใหม่และเพลงในแคตตาล็อกด้วย Campaign Kit
เราดีใจที่ได้เห็นศิลปินประสบความสำเร็จ ด้วยการใช้ชุดเครื่องมือจาก Campaign Kit ของเราที่ออกแบบมาเพื่อโปรโมตเพลงและพัฒนาฐานแฟนเพลงจากแพลตฟอร์มที่ใช้สตรีมผลงานโดยตรง
หลังจากได้พูดคุยกับศิลปิน 7 รายและทีมงานเกี่ยวกับการใช้ Campaign Kit เช่น การเสนอเพลงเข้าร่วมเพลย์ลิสต์, Discovery Mode, Marquee และเครื่องมือล่าสุดอย่าง Showcase แล้ว เราก็ได้บันทึกเรื่องราวอันเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจในรูปแบบกรณีศึกษาที่ย่อยง่ายมาฝากในวันนี้
สาระน่ารู้ดีๆ จากเรื่องนี้ก็คือ เวทมนตร์ที่แท้จริงนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อนำเครื่องมือต่างๆ มาใช้ร่วมกันนั่นเอง เช่น จากการวิจัยของเราพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ผลงานใหม่ที่โปรโมตโดยใช้แค่ Marquee อย่างเดียวจะเพิ่มจำนวนผู้ฟังใหม่ได้ 8 เท่า แต่ผลลัพธ์นั้นจะดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อใช้เครื่องมืออื่นร่วมด้วย และจะเป็นเช่นนั้นเสมอไม่ว่าจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ก็ตาม โดยเฉลี่ยแล้ว ผลงานใหม่ที่โปรโมตด้วย Marquee แล้วตามด้วย Showcase จะทำให้มีผู้ฟังใหม่ที่เจาะจงฟังเพลงนั้นๆ เพิ่มถึง 40 เท่า ซึ่งคิดเป็นจำนวนที่มากขึ้นถึง 5 เท่า
อ่านต่อเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Campaign Kit ช่วยยกระดับเพลงของคุณไปอีกขั้นได้เลย
ก่อนเผยแพร่อัลบั้มเดบิวต์ที่ชื่อว่า Cause of Death ศิลปินเพลงป็อป NERIAH และทีมงานที่ Lowly & Create Music Group ใช้ Campaign Kit ในการสร้างกระแสการตลาดที่เรียกความสนใจได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนผู้ฟังที่ไม่ได้ตั้งใจสตรีมให้กลายมาเป็นแฟนตัวยง ด้วยการขยายขอบเขตการมีส่วนร่วมตลอดช่วงเวลาที่เผยแพร่อัลบั้ม
ก่อนวางจำหน่าย ทีมงานได้ดึงดูดผู้ฟังกลุ่มใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วยการเลือกเพลงไปโปรโมตใน Discovery Mode เฉลี่ย 20 เพลงต่อเดือน กลยุทธ์นี้ช่วยให้ทีมงานเข้าถึงผู้ฟังใหม่ๆ เกือบครึ่งล้านในช่วง 3 เดือนก่อนที่จะเปิดตัวอัลบั้ม ซึ่งคิดเป็นผู้ฟังเกือบ 25% ของ NERIAH ในช่วงเวลานั้น
พร้อมกันนั้น NERIAH และทีมงานก็เร่งเครื่องปลุกกระแสให้กับอัลบั้มเต็มโดยใช้ Marquee เพื่อทยอยโปรโมต 3 ซิงเกิลไปยังกลุ่มผู้ฟังที่เจาะจงและเคยเจาะจงฟังเพลงของเธอ
เมื่อเผยแพร่ Cause of Death แล้ว ทางทีมงานก็ใช้แคมเปญ Marquee และ Showcase ต่อทันที เพื่อยืนระยะการมีส่วนร่วมของแฟนๆ ให้ไปถึงช่วงที่อัลบั้มดีลักซ์จะเผยแพร่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา "เรารู้ว่าเราต้องการให้ผู้ฟังได้ฟังเพลงในวันออกผลงานด้วย Marquee จากนั้น เราก็ต้องการยืดช่วงที่มีกระแสให้ต่อเนื่องออกไป และโปรโมตแบบเล่นใหญ่ด้วย Showcase" Mat Herbers ผู้อำนวยการอาวุโสของฝ่ายการตลาดที่ Lowly & Create Music Group กล่าว
ท้ายที่สุด ทีมงานก็โปรโมตอัลบั้มดีลักซ์และเพิ่มจำนวนผู้ที่ถูกใจผลงานนี้ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ Showcase ที่ดึงดูดกลุ่มผู้ฟังก่อนหน้าด้วยการใช้ "เพลงใหม่" เป็นหัวเรื่อง "Showcase ช่วยเราสร้างกระแสการรับรู้อีกระลอกให้กับอัลบั้มเวอร์ชันดีลักซ์ ทั้งหมดที่เราทำก็คือการสร้างช่วงเวลาที่ดีกับแฟนๆ" Herbers กล่าวต่อ
ซึ่งกลยุทธ์การใช้เครื่องมือ Campaign Kit ติดต่อกันเป็นลำดับนี้ก็ช่วยให้ NERIAH และทีมงานบรรลุเป้าหมายในการพัฒนากลุ่มแฟนพันธุ์แท้ที่สตรีมผลงานของเธอมากกว่าผู้ฟังกลุ่มอื่นๆ เกือบ 4 เท่า
ศิลปินแนวฮิปฮอป Money Man และทีมงานที่ EMPIRE ใช้ Campaign Kit โดยการเลือกทำแคมเปญ Showcase กับซิงเกิลใหม่ที่ชื่อว่า "Tangled" เพื่อกระตุ้นให้ผู้ฟังตัวยงสนใจเข้าชมคอนเสิร์ต Purple Heart Tour ของศิลปิน ผลที่ได้ก็คือ ผู้ฟัง 1 ใน 4 บันทึกหรือเพิ่มซิงเกิลดังกล่าวลงในเพลย์ลิสต์ไว้สตรีมในครั้งต่อไปหลังจากที่เห็นแคมเปญนี้
สำหรับ Money Man แล้ว การทัวร์คอนเสิร์ตคือการสร้างประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนกับแฟนๆ ตัวยงผ่านผลงานเพลงและการมอบของขวัญให้แฟนๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมีน้ำใจไม่เสียดายเงิน (Money Man เป็นที่เลื่องลือจากการมอบกระเป๋าแบรนด์เนมให้แฟนเพลงขณะอยู่บนเวที) "ผมพยายามสานสัมพันธ์และสร้างความใกล้ชิดกับแฟนๆ ให้มากขึ้น เพราะพวกเขาจะกลายมาเป็นแฟนเพลงที่จะติดตามกันไปตลอด ซึ่งก็คือผู้ฟังและผู้สนับสนุนที่จะติดตามกันไปตลอด" Money Man เล่าเมื่อเราถามเรื่องการทัวร์คอนเสิร์ต
ขณะเดินทาง ทีมงานได้เปิดตัวแคมเปญ Showcase เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมกับแฟนๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นโดยใช้หัวเรื่อง "กำลังทัวร์" เพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังผู้สนับสนุนที่ทุ่มเทที่สุด ซึ่งก็คือกลุ่มผู้ฟังตัวยงนั่นเอง "การได้เห็นหัวเรื่อง 'กำลังทัวร์' ทำให้เราได้ปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที เราต้องการให้มีแฟนๆ มาดูการแสดงของ Money Man เพิ่มขึ้นและเรารู้ว่าผู้ฟังตัวยงเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มที่จะสนใจโปรไฟล์และกิจกรรมการแสดงสดของศิลปินมากกว่า ส่วนการได้ยอดสตรีมและการมีส่วนร่วมกับซิงเกิลมากขึ้นนั้นก็ช่วยเพิ่มมูลค่าเข้าไปอีก" Ethan Sacré ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ทางดิจิทัลประจำ EMPIRE กล่าว
Money Man กล่าวว่า "ผมจะทุ่มเททุกวิธีบน Spotify ในการโปรโมตเพลง Showcase ถือเป็นเครื่องที่มีความสำคัญกับผมมาก เพราะช่วยให้ผมกำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้ฟังที่มีค่าที่สุดได้"
เมื่อมี Campaign Kit เป็นตัวช่วย Jillian Rossi ศิลปินแนวป็อปและอดีตผู้จัดการของเธอก็บรรลุเป้าหมายสูงสุดที่จะทำยอดสตรีมให้ถึง 100 ล้านครั้งให้กับอัลบั้ม Never Fully Loved ซึ่งบรรจุเพลงใหม่ร่วมกับเพลงสุดฮิตของเธอเอาไว้ กลยุทธ์ที่ใช้ประกอบด้วย Discovery Mode สำหรับค้นหาผู้ฟังใหม่ๆ Marquee และ Showcase สำหรับดึงผู้ฟังเก่าๆ ให้กลับมาเป็นผู้ฟังที่เจาะจงฟังเพลงของเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก
ก่อนเปิดตัวอัลบั้ม Jillian Rossi และทีมงานได้คัดเลือกเพลงให้เข้าร่วม Discovery Mode และใช้ Marquee ทยอยโปรโมต 3 ซิงเกิล โดยกำหนดเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ฟังระดับเล็กน้อย ปานกลาง และเคยเจาะจงฟังเพลงของเธอก่อนหน้านี้ "เพลงบางเพลงในอัลบั้มที่กำลังจะเปิดตัวเคยเป็นกระแสอยู่ก่อนแล้ว เราจึงใช้ Marquee เพื่อกระตุ้นแฟนเพลงในอดีตที่อาจหายหน้าไปหรือไม่รู้ว่าเธอกำลังทำโปรเจ็กต์ใหม่ให้กลับมา เราต้องการให้แฟนๆ เหล่านั้นรู้สึกว่า 'จริงด้วย ฉันจำเพลงนั้นได้' แล้วจากนั้นก็สตรีมเพลงใหม่" Noah Broxmeyer อดีตผู้จัดการของ Jillian กล่าว
หลังผ่านไป 30 วัน การพัฒนากลุ่มผู้ฟังที่เจาะจงฟังเพลงของเธอในที่สุดก็เกิดผล ผู้ฟังที่เห็น Marquee ของซิงเกิล "Bare Minimum" มียอดสตรีมมากกว่าผู้ฟังในกลุ่มเดียวกันที่ไม่ได้เห็นแคมเปญประมาณ 30 เท่า และผู้ฟังกลุ่มนี้ก็ยังคงสตรีมต่อไป โดยในเดือนกรกฎาคม 2024 ผู้ฟังที่เจาะจงฟังเพลงของเธอซึ่งมีเพียง 2% จากจำนวนผู้ฟังโดยรวมกลับกลายเป็นกลุ่มที่เพิ่มยอดสตรีมต่อเดือนให้เธอมากกว่า 50% เลยทีเดียว
ในช่วงสัปดาห์ที่เผยแพร่ผลงาน ทีมงานได้ใช้แคมเปญ Showcase ซ้อนทับกับ Marquee โดยเริ่มแคมเปญ Showcase ก่อนเพื่อให้เกิดกระแสตั้งต้นก่อนโดยใช้หัวเรื่อง "เทรนด์ที่กำลังฮิต" "เราใช้ Showcase ก่อนเพราะต้องการให้หัวเรื่องตรงกับกระแสตั้งต้นที่มีบนโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว จากนั้น แคมเปญ Marquee ก็ช่วยให้เรายืดกระแสนั้นในสัปดาห์ต่อๆ มาได้อีกระยะหนึ่ง" Broxmeyer กล่าวต่อ
และเนื่องจากแคมเปญ Marquee เน้นเข้าถึงเฉพาะกลุ่มผู้ฟังที่ยังไม่เคยเจาะจงฟังเพลงของ Jillian มาก่อน จึงดึงดูดผู้ฟังจำนวนมากให้สนใจผลงานของเธอได้
หลังจากเผยแพร่อัลบั้มแล้ว Jillian Rossi และทีมงานก็ช่วยกันรักษาการมีส่วนร่วมให้ต่อเนื่องและทำให้อัลบั้มเป็นที่รู้จักกว่าเดิมด้วยการเพิ่มเพลงจำนวนหนึ่งจากอัลบั้มลงใน Discovery Mode
การใช้ Campaign Kit ตลอดทั้งกลยุทธ์การเปิดตัวนี้นอกจากจะทำให้ Jillian และทีมของเธอดึงดูดผู้ฟังหน้าใหม่ได้แล้ว ยังกระตุ้นให้ผู้ฟังที่เจาะจงฟังเพลงของเธอกลับมาได้ด้วย ซึ่งช่วยให้เธอบรรลุเป้าหมายด้านการสตรีม
ในปี 2023 ศิลปินแนวลาติน Jay Wheeler และทีมงานที่ EMPIRE ได้ใช้ Marquee ในการดึงดูดผู้ฟังทั่วโลกให้สนใจผลงาน 2 อัลบั้ม นั่นคือ Emociones 1.5 และ TRAPPii ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ยอดการบันทึกและจำนวนการเพิ่มลงในเพลย์ลิสต์เกือบ 300,000 ครั้งซึ่งคิดเป็นเกือบ 15% จากยอดการบันทึกและจำนวนการเพิ่มลงในเพลย์ลิสต์โดยรวมระหว่างช่วงที่ใช้แคมเปญในตลาดที่สำคัญ 9 แห่ง
ทีมงานใช้วิธีทำตามสูตรสำเร็จ นั่นคือการจับคู่ Marquee กับซิงเกิลที่ทยอยปล่อยออกมาเพื่อดึงดูดผู้ฟัง จากนั้นจึงเพิ่มการลงทุนเป็นสองเท่ากับแคมเปญต่างๆ สำหรับการเผยแพร่อัลบั้ม อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่แท้จริงนั้นมีที่มาจากความสามารถในการทำให้การกำหนดเป้าหมายทั่วโลกของ Marquee สอดคล้องกับลักษณะที่โดดเด่นของการเผยแพร่ผลงานแต่ละครั้ง
สำหรับการเผยแพร่อัลบั้ม Emociones 1.5 ทางทีมงานได้เลือกกำหนดเป้าหมายไปยังผู้ฟังในตลาดต่างๆ เช่น บราซิล ชิลี และเม็กซิโกให้กับทั้งอัลบั้มและซิงเกิลเดี่ยวที่ชื่อว่า "Pacto (ft. Luar La L)" โดยการสร้างกระแสให้กับซิงเกิลดังกล่าวและนำดนตรีแนวลาตินแทร็ปแบบใหม่เข้ามาผสมผสาน เพื่อเป็นรากฐานต่อยอดให้กับอัลบั้มต่อมาของ Jay ที่ชื่อว่า TRAPPii
เมื่อมีการเผยแพร่อัลบั้ม TRAPPii ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา ทีมงานก็ได้ตัดสินใจกำหนดกลยุทธ์จำนวนหนึ่งให้เข้ากับกลิ่นอายเพลงแนวลาตินของ Jay โดยเริ่มจากการเสนอเพลงเข้าเพลย์ลิสต์เพื่อแชร์รายละเอียดเกี่ยวกับอิทธิพลทางดนตรีของเพลง "TRAPii" ที่มีชื่อเดียวกับอัลบั้มไปให้บรรณาธิการของ Spotify ซึ่งในท้ายที่สุดก็ได้เข้าไปอยู่ในเพลย์ลิสต์ Trap Land ของ Spotify จากนั้น ทีมงานก็ได้ปรับการกำหนดเป้าหมายของ Marquee ให้เน้นไปที่ภูมิภาคต่างๆ ที่เพลงแนวลาตินแทร็ปกำลังฮิต "เพลง TRAPii สอดแทรกกลิ่นอายของแนวลาตินแทร็ปที่หนักหน่วงขึ้น เช่นเดียวกับเพลง 'Pacto' และ Marquee ก็ช่วยให้เราโปรโมตผลงานในตลาดอย่าง อาร์เจนตินา ได้โดยไม่ต้องเตรียมการล่วงหน้ามากมายเลย" Alán Hensley ผู้อำนวยการด้านการตลาดของฝ่ายคัดสรรและพัฒนาศิลปินประจำ EMPIRE กล่าว
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าประทับใจ โดยผู้ฟัง Marquee เกือบหนึ่งในสี่มีการบันทึกหรือเพิ่มเพลงลงในเพลย์ลิสต์ไว้สตรีมในภายหลัง และเพลงที่อยู่ในเพลย์ลิสต์ Trap Land ยังมียอดสตรีมเกือบ 100,000 ครั้งด้วย
การเลือกโปรโมตเพลงให้ถูกจริตกับผู้ฟังทำให้ Jay Wheeler และทีมงานประสบความสำเร็จในการมีส่วนร่วมอย่างมากและพร้อมที่จะรับความสำเร็จจากการเปิดตัวผลงานในระดับโลก
หลังจากประสบความสำเร็จกับซิงเกิลที่มีการร่วมงานกับศิลปินอื่น ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ฟังใหม่ได้รู้จักกับเพลงของศิลปินเรกเก้อย่าง Khalia แล้ว เธอและทีมงานที่ Ineffable Records ก็ได้ใช้ Campaign Kit กับ EP ที่ชื่อว่า Stay True เพื่อดึงดูดผู้ฟังใหม่ๆ เพิ่มอีก กลยุทธ์นี้ทรงพลังอย่างมาก โดยผู้ฟัง Marquee สตรีมเพลงของเธออย่างต่อเนื่องมากกว่าผู้ฟังกลุ่มอื่นๆ ถึงประมาณ 6 เท่าในช่วงเกือบหนึ่งเดือนหลังจากเผยแพร่ผลงาน
ในช่วงฤดูร้อนของปี 2023 Khalia และทีมงานได้ใช้ Marquee มาช่วยสานต่อกระแสที่มาจากการร่วมงานกันระหว่างเธอกับเพื่อนศิลปินแนวเรกเก้ Collie Buddz ในซิงเกิล "High" ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ให้โด่งดังจนถึงขีดสุด เนื่องจากแคมเปญ Marquee ที่ใช้กับ "High" นั้นเข้าถึงผู้ฟังของ Collie Buddz จึงทำให้เพลงของ Khalia มีฐานแฟนเพลงกลุ่มใหม่ไปด้วย
นอกจากนี้ การเสนอเพลงเข้าเพลย์ลิสต์ยังทำให้ซิงเกิลที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างล้นหลามนี้ได้อยู่ในเพลย์ลิสต์ Summer Sunshine Reggae ของ Spotify ได้อย่างเหมาะเจาะเหมาะสม
ก่อนการเปิดตัว EP ทีมงานของ Khalia ได้ใช้วิธีทยอยโปรโมตซิงเกิลจำนวนหนึ่งของเธอด้วย Marquee และ Showcase ในตลาด 7 แห่ง โดยมีหลายซิงเกิลที่ได้ร่วมงานกับศิลปินอื่นๆ เช่น Shaggy และ Tanya Stephens ทำให้กลุ่มแฟนเพลงของ Khalia เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จากแคมเปญเหล่านี้ และเป็นฐานให้กับความสำเร็จในการเผยแพร่ EP ของเธอ "เพลง 'No Answer' เป็นเพลงที่ได้ร่วมงานกับ Tanya Stephens ซึ่งมีฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งส่งผลดีต่อ Khalia ด้วยเนื่องจากทั้งคู่เป็นศิลปินหญิงชาวจาเมกาเหมือนกัน เรากำหนดเป้าหมายไปยังผู้ฟังตัวยงและผู้ฟังระดับปานกลาง เพราะต้องการเจาะกลุ่มสำคัญที่เข้าถึงยากที่สุดจากบรรดาแฟนเพลงของทั้งคู่ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมหลังการเผยแพร่มากที่สุด" Adam Gross ประธานของ Ineffable Records กล่าว
ในระหว่างสัปดาห์ที่เผยแพร่ผลงาน Marquee ได้แนะนำ Stay True ให้ผู้ฟังรู้จักในตลาดเดิม 7 แห่งในฐานะซิงเกิลที่ปล่อยตามมา แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จ โดยมีผู้ฟังหนึ่งในสามบันทึกหรือเพิ่มแทร็กจาก EP นี้ลงในเพลย์ลิสต์ไว้สตรีมในภายหลัง
ในเดือนธันวาคม ทีมงานของ Khalia ได้เพิ่มแทร็ก 6 รายการจาก EP ลงใน Discovery Mode เพื่อสู้กับความนิยมที่ลดลงไปตามฤดูกาล ซึ่งส่งผลให้ยอดสตรีมโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 440% "เดือนธันวาคมมักจะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับวงการเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพลงที่มีกลิ่นอายของฤดูร้อน ซึ่ง Discovery Mode ช่วยให้เรายังเข้าถึงแฟนคลับใหม่ๆ ต่อไปได้ในช่วงที่ความนิยมลดลงเนื่องจากฤดูกาล" Gross กล่าวต่อ
ความสามารถของ Campaign Kit ในการดึงดูดผู้ฟังทั้งหน้าเดิมและหน้าใหม่จากศิลปินที่มีการร่วมงานกันช่วยให้ Khalia และทีมงานขยายฐานแฟนเพลงได้สำเร็จ
ศิลปินแนวลาติน Luis R Conriquez และทีมงานที่ Downtown Music ได้ใช้ Campaign Kit เป็นตัวช่วยให้อัลบั้มล่าสุดของศิลปินที่ชื่อว่า Corridos Bélicos, Vol. IV ติดชาร์ตตามเป้าหมายได้สำเร็จ การจับคู่แคมเปญ Marquee กับ Showcase ทำให้ได้ผลลัพธ์สุดอลังการ นั่นคือยอดการบันทึกและเพิ่มลงในเพลย์ลิสต์เกือบ 2 ล้านครั้งและยอดสตรีม 10 ล้านครั้ง นอกจากนี้ อัลบั้มดังกล่าวยังติดอันดับที่ 5 ในชาร์ต Billboard Top Latin และขณะนี้ก็อยู่ในอันดับที่ 13 บนชาร์ต "อัลบั้มยอดนิยมในเม็กซิโก" ของ Spotify ด้วย
ในช่วงสัปดาห์ที่เผยแพร่ผลงาน ทีมงานมุ่งเน้นไปที่การดึงดูดผู้ฟังในตลาดสองแห่งที่มีการสตรีมผลงานของ Luis มากที่สุด นั่นคือสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก โดยทำแคมเปญ Marquee ก่อนเผยแพร่ผลงาน 2 วันเพื่อให้กระแสในวันเผยแพร่ยิ่งร้อนแรง ตามด้วยแคมเปญ Showcase ในสองสัปดาห์ต่อมา กลยุทธ์นี้มีเป้าหมายเป็นการดึงดูดกลุ่มผู้ฟังทรงคุณค่าโดยใช้หัวเรื่อง "คุณอาจชอบ" ใน Showcase "Marquee ช่วยเตือนให้ผู้ฟังรู้ว่าอัลบั้มสุดยิ่งใหญ่นี้เผยแพร่แล้ว และ Luis ก็เป็นศิลปินคนสำคัญที่ไม่ควรพลาด" Geoffrey Halliday รองประธานฝ่ายการตลาดประจำ Downtown Artist & Label Services กล่าว
ทีมงานใช้กลยุทธ์ในทำนองเดียวกันนี้กับการเปิดตัวอัลบั้มในเวอร์ชันดีลักซ์ที่มีเพลงใหม่ 11 เพลงอีกครั้ง โดยทำแคมเปญ Marquee กับการเผยแพร่ผลงาน ตามด้วยแคมเปญ Showcase ในสองสัปดาห์ต่อมา แต่คราวนี้ใช้หัวเรื่อง "เพลงใหม่" เพื่อเรียกความสนใจแทน "อัลบั้มดีลักซ์มีเพลงใหม่จำนวนมาก เราจึงต้องการเพิ่มการรับรู้ให้สูงสุดโดยใช้แนวทางที่มีลำดับต่อเนื่องแบบเดียวกัน Marquee คืออาวุธในการโปรโมตอันดับแรกของเรา ตามมาด้วย Showcase ที่ใช้สานต่อกระแสนั้น" Daniela Gutiérrez ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดประจำ Downtown Artist & Label Services กล่าว
ผู้ฟังที่เห็น Marquee โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา มีแนวโน้มที่จะบันทึกอัลบั้มมากกว่าผู้ฟังอื่นๆ ถึงประมาณ 3 เท่า
Luis และทีมงานใช้ Campaign Kit เสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งเจ้าพ่อเพลงลาตินได้เป็นอย่างดีผ่านการวางแผนที่พิถีพิถัน
William Black ศิลปินแนว EDM และทีมงานที่ Lowly & Create Music Group ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในปี 2023 จากการขายตั๋วการแสดงหมดเกลี้ยงในระหว่างการออกทัวร์ที่สหรัฐอเมริกา และการเปิดตัวอัลบั้ม The Nature of Hope ที่มีผู้ฟังรอคอยเป็นจำนวนมาก เป้าหมายเหล่านี้สำเร็จได้จากการใช้ Campaign Kit ช่วยเปลี่ยนผู้ฟังที่ไม่ตั้งใจสตรีมผลงาน ให้กลายมาเป็นผู้ฟังที่ตั้งใจฟังเพลงของเขาซึ่งสตรีมอัลบั้มนี้มากกว่าผู้ฟังอื่นๆ ถึงประมาณ 6 เท่า
ในช่วงหลายเดือนก่อนการเปิดตัวอัลบั้ม Discovery Mode มีบทบาทสำคัญในการช่วยเพิ่มสตรีมโดยเฉลี่ยประมาณ 385% และแนะนำเพลงของ William Black ให้ผู้ฟังหน้าใหม่รู้จัก อีกทั้งทีมงานยังทยอยโปรโมตซิงเกิล 4 รายการด้วย Marquee และ Showcase ไปพร้อมๆ กันด้วย "เป้าหมายของเราคือการหาผู้ฟังใหม่ๆ หรือผู้ฟังที่ไม่ได้ตั้งใจสตรีมแล้วเปลี่ยนให้กลายมาเป็นแฟนตัวยง เมื่อผู้ฟังเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในวงจรแฟนเพลงแล้ว เรารู้ว่าพวกเขาจะคอยติดตามเพลงใหม่ๆ และการแสดงสดด้วย" Mat Herbers ผู้อำนวยการอาวุโสของฝ่ายการตลาดที่ Lowly & Create Music Group กล่าว
ผลงานที่เห็นถึงความสำเร็จได้อย่างชัดเจนก็คือซิงเกิล "My Own Advice" ซึ่งเป็นการร่วมงานกับศิลปินแนว EDM ที่ออกทัวร์ด้วยกันอย่าง ILLENIUM ทั้งนี้ ผู้ฟังเกือบ 50% ที่เข้าถึงผ่าน Showcase เป็นผู้ฟังใหม่ของ William Black "ตัวเลข 50% ที่ได้เห็นนั้นน่าประทับใจมาก การใช้ Campaign Kit ช่วยให้เราสามารถดึงคนให้เข้ามาเป็นแฟนคลับได้จริงๆ" Herbers กล่าว
หลังจากเผยแพร่อัลบั้ม The Nature of Hope แล้ว ทีมงานก็เดินหน้าทำแคมเปญ Marquee และ Showcase ต่อโดยครั้งนี้กำหนดเป้าหมายไปยังผู้ฟังทั่วๆ ไปมากขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มผู้ฟังระดับเล็กน้อย ปานกลาง และที่เคยเจาะจงฟังเพลงของ William Black แคมเปญ Showcase ซึ่งเน้นเจาะกลุ่มผู้ฟังชาวแคนาดาด้วยหัวเรื่อง "เทรนด์ที่กำลังฮิต" ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก โดยกระตุ้นให้ผู้ฟังสตรีมเพลงมากกว่าผู้ฟังกลุ่มอื่นๆ ถึงประมาณ 6 เท่า
Campaign Kit ช่วยให้ William Black และทีมงานเปลี่ยนกระแสในปีแห่งความสำเร็จครั้งใหญ่นั้นมาเป็นกลุ่มแฟนคลับบน Spotify ตัวจริงได้
แม้ว่าศิลปินทุกรายจะใช้การเสนอเพลงเข้าเพลย์ลิสต์ได้ แต่ Discovery Mode ยังคงให้บริการเฉพาะศิลปินที่มีสิทธิ์ในตลาดกว่า 90 แห่งทั่วโลก รวมถึง Showcase และ Marquee ที่ยังคงให้บริการเฉพาะศิลปินที่มีสิทธิ์ในตลาด 7 แห่งทั่วโลกเท่านั้น ทั้งนี้ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของแต่ละเครื่องมือได้ที่ Discovery Mode, Marquee และ Showcase
นอกจากนี้ ยังสามารถไปที่เว็บไซต์ Campaign Kit เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราสามารถช่วยให้คุณและทีมงานบรรลุเป้าหมายได้ ไม่ว่าจะต้องการเพิ่มยอดผู้ฟังด้วยผลงานใหม่ ดึงดูดแฟนๆ ให้กลับมามีส่วนร่วมกับแคตตาล็อกของคุณอีกครั้ง เฉลิมฉลองวันครบรอบการเปิดตัวผลงาน พัฒนากลุ่มผู้ฟังใหม่ๆ ทั่วโลก และอื่นๆ อีกมากมาย รอติดตามส่วนดังกล่าวไว้ได้เลย ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเราจะมีการเปิดตัวการสัมมนาผ่านเว็บ ข้อมูลเชิงลึก และสื่อการเรียนรู้อื่นๆ เพิ่มเติม
และหากคุณสนใจที่จะโปรโมตเพลงของตัวเองด้วย Campaign Kit ก็สามารถไปที่แท็บแคมเปญใน Spotify for Artists บนเดสก์ท็อปเพื่อเริ่มสร้างแคมเปญได้เลย
Spotify for Artists ช่วยคุณพัฒนาฐานแฟนที่คุณต้องการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
การแนะนำในแอปเหล่านี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ผู้ฟังที่ใช่มุ่งความสนใจไปที่ผลงานใหม่ของคุณบน Spotify เรียนรู้วิธีการทำงานของเครื่องมือ เหตุผลที่ทำให้เครื่องมือนี้ได้ผล และวิธีจัดแคมเปญของคุณเอง
Showcase เป็นเครื่องมือใหม่ล่าสุดที่สร้างขึ้นเพื่อการตลาดเพลง ซึ่งจะช่วยให้คุณโปรโมตผลงานที่ใช่ ในเวลาที่เหมาะสม ให้กับผู้ฟังที่คุณต้องการเข้าถึงได้โดยตรงจากหน้าหลักของ Spotify