Campaign Kit กับ 7 เรื่องราวความสำเร็จ ตั้งแต่การจุดกระแสให้กับการทัวร์คอนเสิร์ต ไปจนถึงการเพิ่มยอดแฟนเพลงตามเป้าหมาย

July 30, 2024

ค้นพบวิธีที่ศิลปิน 7 รายซึ่งมีแนวเพลงและเป้าหมายหลากหลายแบบ เพิ่มยอดสตรีมให้กับเพลงใหม่และเพลงในแคตตาล็อกด้วย Campaign Kit

เราดีใจที่ได้เห็นศิลปินประสบความสำเร็จ ด้วยการใช้ชุดเครื่องมือจาก Campaign Kit ของเราที่ออกแบบมาเพื่อโปรโมตเพลงและพัฒนาฐานแฟนเพลงจากแพลตฟอร์มที่ใช้สตรีมผลงานโดยตรง

หลังจากได้พูดคุยกับศิลปิน 7 รายและทีมงานเกี่ยวกับการใช้ Campaign Kit เช่น การเสนอเพลงเข้าร่วมเพลย์ลิสต์, Discovery Mode, Marquee และเครื่องมือล่าสุดอย่าง Showcase แล้ว เราก็ได้บันทึกเรื่องราวอันเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจในรูปแบบกรณีศึกษาที่ย่อยง่ายมาฝากในวันนี้

สาระน่ารู้ดีๆ จากเรื่องนี้ก็คือ เวทมนตร์ที่แท้จริงนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อนำเครื่องมือต่างๆ มาใช้ร่วมกันนั่นเอง เช่น จากการวิจัยของเราพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ผลงานใหม่ที่โปรโมตโดยใช้แค่ Marquee อย่างเดียวจะเพิ่มจำนวนผู้ฟังใหม่ได้ 8 เท่า แต่ผลลัพธ์นั้นจะดียิ่งขึ้นไปอีกเมื่อใช้เครื่องมืออื่นร่วมด้วย และจะเป็นเช่นนั้นเสมอไม่ว่าจะใช้งบประมาณเท่าไหร่ก็ตาม โดยเฉลี่ยแล้ว ผลงานใหม่ที่โปรโมตด้วย Marquee แล้วตามด้วย Showcase จะทำให้มีผู้ฟังใหม่ที่เจาะจงฟังเพลงนั้นๆ เพิ่มถึง 40 เท่า ซึ่งคิดเป็นจำนวนที่มากขึ้นถึง 5 เท่า

อ่านต่อเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ Campaign Kit ช่วยยกระดับเพลงของคุณไปอีกขั้นได้เลย

วิธีที่ NERIAH จุดกระแสให้อัลบั้มเดบิวต์และอัลบั้มดีลักซ์

ก่อนเผยแพร่อัลบั้มเดบิวต์ที่ชื่อว่า Cause of Death ศิลปินเพลงป็อป NERIAH และทีมงานที่ Lowly & Create Music Group ใช้ Campaign Kit ในการสร้างกระแสการตลาดที่เรียกความสนใจได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนผู้ฟังที่ไม่ได้ตั้งใจสตรีมให้กลายมาเป็นแฟนตัวยง ด้วยการขยายขอบเขตการมีส่วนร่วมตลอดช่วงเวลาที่เผยแพร่อัลบั้ม

จัดเตรียมเวที

ก่อนวางจำหน่าย ทีมงานได้ดึงดูดผู้ฟังกลุ่มใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วยการเลือกเพลงไปโปรโมตใน Discovery Mode เฉลี่ย 20 เพลงต่อเดือน กลยุทธ์นี้ช่วยให้ทีมงานเข้าถึงผู้ฟังใหม่ๆ เกือบครึ่งล้านในช่วง 3 เดือนก่อนที่จะเปิดตัวอัลบั้ม ซึ่งคิดเป็นผู้ฟังเกือบ 25% ของ NERIAH ในช่วงเวลานั้น

สร้างความตื่นเต้น

พร้อมกันนั้น NERIAH และทีมงานก็เร่งเครื่องปลุกกระแสให้กับอัลบั้มเต็มโดยใช้ Marquee เพื่อทยอยโปรโมต 3 ซิงเกิลไปยังกลุ่มผู้ฟังที่เจาะจงและเคยเจาะจงฟังเพลงของเธอ

ยืดกระแสของผลงานให้นานยิ่งขึ้น

เมื่อเผยแพร่ Cause of Death แล้ว ทางทีมงานก็ใช้แคมเปญ Marquee และ Showcase ต่อทันที เพื่อยืนระยะการมีส่วนร่วมของแฟนๆ ให้ไปถึงช่วงที่อัลบั้มดีลักซ์จะเผยแพร่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา "เรารู้ว่าเราต้องการให้ผู้ฟังได้ฟังเพลงในวันออกผลงานด้วย Marquee จากนั้น เราก็ต้องการยืดช่วงที่มีกระแสให้ต่อเนื่องออกไป และโปรโมตแบบเล่นใหญ่ด้วย Showcase" Mat Herbers ผู้อำนวยการอาวุโสของฝ่ายการตลาดที่ Lowly & Create Music Group กล่าว

ท้ายที่สุด ทีมงานก็โปรโมตอัลบั้มดีลักซ์และเพิ่มจำนวนผู้ที่ถูกใจผลงานนี้ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ Showcase ที่ดึงดูดกลุ่มผู้ฟังก่อนหน้าด้วยการใช้ "เพลงใหม่" เป็นหัวเรื่อง "Showcase ช่วยเราสร้างกระแสการรับรู้อีกระลอกให้กับอัลบั้มเวอร์ชันดีลักซ์ ทั้งหมดที่เราทำก็คือการสร้างช่วงเวลาที่ดีกับแฟนๆ" Herbers กล่าวต่อ

ซึ่งกลยุทธ์การใช้เครื่องมือ Campaign Kit ติดต่อกันเป็นลำดับนี้ก็ช่วยให้ NERIAH และทีมงานบรรลุเป้าหมายในการพัฒนากลุ่มแฟนพันธุ์แท้ที่สตรีมผลงานของเธอมากกว่าผู้ฟังกลุ่มอื่นๆ เกือบ 4 เท่า

วิธีที่ Money Man จุดกระแสให้การทัวร์คอนเสิร์ต

ศิลปินแนวฮิปฮอป Money Man และทีมงานที่ EMPIRE ใช้ Campaign Kit โดยการเลือกทำแคมเปญ Showcase กับซิงเกิลใหม่ที่ชื่อว่า "Tangled" เพื่อกระตุ้นให้ผู้ฟังตัวยงสนใจเข้าชมคอนเสิร์ต Purple Heart Tour ของศิลปิน ผลที่ได้ก็คือ ผู้ฟัง 1 ใน 4 บันทึกหรือเพิ่มซิงเกิลดังกล่าวลงในเพลย์ลิสต์ไว้สตรีมในครั้งต่อไปหลังจากที่เห็นแคมเปญนี้

สำหรับ Money Man แล้ว การทัวร์คอนเสิร์ตคือการสร้างประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนกับแฟนๆ ตัวยงผ่านผลงานเพลงและการมอบของขวัญให้แฟนๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมีน้ำใจไม่เสียดายเงิน (Money Man เป็นที่เลื่องลือจากการมอบกระเป๋าแบรนด์เนมให้แฟนเพลงขณะอยู่บนเวที) "ผมพยายามสานสัมพันธ์และสร้างความใกล้ชิดกับแฟนๆ ให้มากขึ้น เพราะพวกเขาจะกลายมาเป็นแฟนเพลงที่จะติดตามกันไปตลอด ซึ่งก็คือผู้ฟังและผู้สนับสนุนที่จะติดตามกันไปตลอด" Money Man เล่าเมื่อเราถามเรื่องการทัวร์คอนเสิร์ต

เชิญชวนผู้ฟังตัวยงด้วยหัวเรื่อง "กำลังทัวร์"

ขณะเดินทาง ทีมงานได้เปิดตัวแคมเปญ Showcase เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมกับแฟนๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นโดยใช้หัวเรื่อง "กำลังทัวร์" เพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังผู้สนับสนุนที่ทุ่มเทที่สุด ซึ่งก็คือกลุ่มผู้ฟังตัวยงนั่นเอง "การได้เห็นหัวเรื่อง 'กำลังทัวร์' ทำให้เราได้ปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที เราต้องการให้มีแฟนๆ มาดูการแสดงของ Money Man เพิ่มขึ้นและเรารู้ว่าผู้ฟังตัวยงเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มที่จะสนใจโปรไฟล์และกิจกรรมการแสดงสดของศิลปินมากกว่า ส่วนการได้ยอดสตรีมและการมีส่วนร่วมกับซิงเกิลมากขึ้นนั้นก็ช่วยเพิ่มมูลค่าเข้าไปอีก" Ethan Sacré ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ทางดิจิทัลประจำ EMPIRE กล่าว

Money Man กล่าวว่า "ผมจะทุ่มเททุกวิธีบน Spotify ในการโปรโมตเพลง Showcase ถือเป็นเครื่องที่มีความสำคัญกับผมมาก เพราะช่วยให้ผมกำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้ฟังที่มีค่าที่สุดได้"

วิธีที่ Jillian Rossi บรรลุเป้าหมายด้านการสตรีม

เมื่อมี Campaign Kit เป็นตัวช่วย Jillian Rossi ศิลปินแนวป็อปและอดีตผู้จัดการของเธอก็บรรลุเป้าหมายสูงสุดที่จะทำยอดสตรีมให้ถึง 100 ล้านครั้งให้กับอัลบั้ม Never Fully Loved ซึ่งบรรจุเพลงใหม่ร่วมกับเพลงสุดฮิตของเธอเอาไว้ กลยุทธ์ที่ใช้ประกอบด้วย Discovery Mode สำหรับค้นหาผู้ฟังใหม่ๆ Marquee และ Showcase สำหรับดึงผู้ฟังเก่าๆ ให้กลับมาเป็นผู้ฟังที่เจาะจงฟังเพลงของเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก

ขยายกลุ่มผู้ฟัง

ก่อนเปิดตัวอัลบั้ม Jillian Rossi และทีมงานได้คัดเลือกเพลงให้เข้าร่วม Discovery Mode และใช้ Marquee ทยอยโปรโมต 3 ซิงเกิล โดยกำหนดเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ฟังระดับเล็กน้อย ปานกลาง และเคยเจาะจงฟังเพลงของเธอก่อนหน้านี้ "เพลงบางเพลงในอัลบั้มที่กำลังจะเปิดตัวเคยเป็นกระแสอยู่ก่อนแล้ว เราจึงใช้ Marquee เพื่อกระตุ้นแฟนเพลงในอดีตที่อาจหายหน้าไปหรือไม่รู้ว่าเธอกำลังทำโปรเจ็กต์ใหม่ให้กลับมา เราต้องการให้แฟนๆ เหล่านั้นรู้สึกว่า 'จริงด้วย ฉันจำเพลงนั้นได้' แล้วจากนั้นก็สตรีมเพลงใหม่" Noah Broxmeyer อดีตผู้จัดการของ Jillian กล่าว

หลังผ่านไป 30 วัน การพัฒนากลุ่มผู้ฟังที่เจาะจงฟังเพลงของเธอในที่สุดก็เกิดผล ผู้ฟังที่เห็น Marquee ของซิงเกิล "Bare Minimum" มียอดสตรีมมากกว่าผู้ฟังในกลุ่มเดียวกันที่ไม่ได้เห็นแคมเปญประมาณ 30 เท่า และผู้ฟังกลุ่มนี้ก็ยังคงสตรีมต่อไป โดยในเดือนกรกฎาคม 2024 ผู้ฟังที่เจาะจงฟังเพลงของเธอซึ่งมีเพียง 2% จากจำนวนผู้ฟังโดยรวมกลับกลายเป็นกลุ่มที่เพิ่มยอดสตรีมต่อเดือนให้เธอมากกว่า 50% เลยทีเดียว

เพิ่มการโปรโมตในสัปดาห์ที่เผยแพร่ผลงาน

ในช่วงสัปดาห์ที่เผยแพร่ผลงาน ทีมงานได้ใช้แคมเปญ Showcase ซ้อนทับกับ Marquee โดยเริ่มแคมเปญ Showcase ก่อนเพื่อให้เกิดกระแสตั้งต้นก่อนโดยใช้หัวเรื่อง "เทรนด์ที่กำลังฮิต" "เราใช้ Showcase ก่อนเพราะต้องการให้หัวเรื่องตรงกับกระแสตั้งต้นที่มีบนโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว จากนั้น แคมเปญ Marquee ก็ช่วยให้เรายืดกระแสนั้นในสัปดาห์ต่อๆ มาได้อีกระยะหนึ่ง" Broxmeyer กล่าวต่อ

และเนื่องจากแคมเปญ Marquee เน้นเข้าถึงเฉพาะกลุ่มผู้ฟังที่ยังไม่เคยเจาะจงฟังเพลงของ Jillian มาก่อน จึงดึงดูดผู้ฟังจำนวนมากให้สนใจผลงานของเธอได้

ทำให้การค้นพบมีระยะเวลานานขึ้น

หลังจากเผยแพร่อัลบั้มแล้ว Jillian Rossi และทีมงานก็ช่วยกันรักษาการมีส่วนร่วมให้ต่อเนื่องและทำให้อัลบั้มเป็นที่รู้จักกว่าเดิมด้วยการเพิ่มเพลงจำนวนหนึ่งจากอัลบั้มลงใน Discovery Mode

การใช้ Campaign Kit ตลอดทั้งกลยุทธ์การเปิดตัวนี้นอกจากจะทำให้ Jillian และทีมของเธอดึงดูดผู้ฟังหน้าใหม่ได้แล้ว ยังกระตุ้นให้ผู้ฟังที่เจาะจงฟังเพลงของเธอกลับมาได้ด้วย ซึ่งช่วยให้เธอบรรลุเป้าหมายด้านการสตรีม

วิธีที่ Jay Wheeler ดึงดูดความสนใจจากฐานแฟนเพลงทั่วโลก

ในปี 2023 ศิลปินแนวลาติน Jay Wheeler และทีมงานที่ EMPIRE ได้ใช้ Marquee ในการดึงดูดผู้ฟังทั่วโลกให้สนใจผลงาน 2 อัลบั้ม นั่นคือ Emociones 1.5 และ TRAPPii ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ยอดการบันทึกและจำนวนการเพิ่มลงในเพลย์ลิสต์เกือบ 300,000 ครั้งซึ่งคิดเป็นเกือบ 15% จากยอดการบันทึกและจำนวนการเพิ่มลงในเพลย์ลิสต์โดยรวมระหว่างช่วงที่ใช้แคมเปญในตลาดที่สำคัญ 9 แห่ง

ทีมงานใช้วิธีทำตามสูตรสำเร็จ นั่นคือการจับคู่ Marquee กับซิงเกิลที่ทยอยปล่อยออกมาเพื่อดึงดูดผู้ฟัง จากนั้นจึงเพิ่มการลงทุนเป็นสองเท่ากับแคมเปญต่างๆ สำหรับการเผยแพร่อัลบั้ม อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่แท้จริงนั้นมีที่มาจากความสามารถในการทำให้การกำหนดเป้าหมายทั่วโลกของ Marquee สอดคล้องกับลักษณะที่โดดเด่นของการเผยแพร่ผลงานแต่ละครั้ง

เตรียมวางรากฐานทั่วโลก

สำหรับการเผยแพร่อัลบั้ม Emociones 1.5 ทางทีมงานได้เลือกกำหนดเป้าหมายไปยังผู้ฟังในตลาดต่างๆ เช่น บราซิล ชิลี และเม็กซิโกให้กับทั้งอัลบั้มและซิงเกิลเดี่ยวที่ชื่อว่า "Pacto (ft. Luar La L)" โดยการสร้างกระแสให้กับซิงเกิลดังกล่าวและนำดนตรีแนวลาตินแทร็ปแบบใหม่เข้ามาผสมผสาน เพื่อเป็นรากฐานต่อยอดให้กับอัลบั้มต่อมาของ Jay ที่ชื่อว่า TRAPPii

ลงทุนเป็นสองเท่ากับตลาดใหม่ๆ

เมื่อมีการเผยแพร่อัลบั้ม TRAPPii ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา ทีมงานก็ได้ตัดสินใจกำหนดกลยุทธ์จำนวนหนึ่งให้เข้ากับกลิ่นอายเพลงแนวลาตินของ Jay โดยเริ่มจากการเสนอเพลงเข้าเพลย์ลิสต์เพื่อแชร์รายละเอียดเกี่ยวกับอิทธิพลทางดนตรีของเพลง "TRAPii" ที่มีชื่อเดียวกับอัลบั้มไปให้บรรณาธิการของ Spotify ซึ่งในท้ายที่สุดก็ได้เข้าไปอยู่ในเพลย์ลิสต์ Trap Land ของ Spotify จากนั้น ทีมงานก็ได้ปรับการกำหนดเป้าหมายของ Marquee ให้เน้นไปที่ภูมิภาคต่างๆ ที่เพลงแนวลาตินแทร็ปกำลังฮิต "เพลง TRAPii สอดแทรกกลิ่นอายของแนวลาตินแทร็ปที่หนักหน่วงขึ้น เช่นเดียวกับเพลง 'Pacto' และ Marquee ก็ช่วยให้เราโปรโมตผลงานในตลาดอย่าง อาร์เจนตินา ได้โดยไม่ต้องเตรียมการล่วงหน้ามากมายเลย" Alán Hensley ผู้อำนวยการด้านการตลาดของฝ่ายคัดสรรและพัฒนาศิลปินประจำ EMPIRE กล่าว

ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าประทับใจ โดยผู้ฟัง Marquee เกือบหนึ่งในสี่มีการบันทึกหรือเพิ่มเพลงลงในเพลย์ลิสต์ไว้สตรีมในภายหลัง และเพลงที่อยู่ในเพลย์ลิสต์ Trap Land ยังมียอดสตรีมเกือบ 100,000 ครั้งด้วย

การเลือกโปรโมตเพลงให้ถูกจริตกับผู้ฟังทำให้ Jay Wheeler และทีมงานประสบความสำเร็จในการมีส่วนร่วมอย่างมากและพร้อมที่จะรับความสำเร็จจากการเปิดตัวผลงานในระดับโลก

วิธีที่ Khalia ค้นพบผู้ฟังกลุ่มใหม่จากการร่วมงานกับศิลปินคนอื่น

หลังจากประสบความสำเร็จกับซิงเกิลที่มีการร่วมงานกับศิลปินอื่น ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ฟังใหม่ได้รู้จักกับเพลงของศิลปินเรกเก้อย่าง Khalia แล้ว เธอและทีมงานที่ Ineffable Records ก็ได้ใช้ Campaign Kit กับ EP ที่ชื่อว่า Stay True เพื่อดึงดูดผู้ฟังใหม่ๆ เพิ่มอีก กลยุทธ์นี้ทรงพลังอย่างมาก โดยผู้ฟัง Marquee สตรีมเพลงของเธออย่างต่อเนื่องมากกว่าผู้ฟังกลุ่มอื่นๆ ถึงประมาณ 6 เท่าในช่วงเกือบหนึ่งเดือนหลังจากเผยแพร่ผลงาน

เร่งกระแสให้ยิ่งร้อนแรง

ในช่วงฤดูร้อนของปี 2023 Khalia และทีมงานได้ใช้ Marquee มาช่วยสานต่อกระแสที่มาจากการร่วมงานกันระหว่างเธอกับเพื่อนศิลปินแนวเรกเก้ Collie Buddz ในซิงเกิล "High" ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ให้โด่งดังจนถึงขีดสุด เนื่องจากแคมเปญ Marquee ที่ใช้กับ "High" นั้นเข้าถึงผู้ฟังของ Collie Buddz จึงทำให้เพลงของ Khalia มีฐานแฟนเพลงกลุ่มใหม่ไปด้วย

นอกจากนี้ การเสนอเพลงเข้าเพลย์ลิสต์ยังทำให้ซิงเกิลที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างล้นหลามนี้ได้อยู่ในเพลย์ลิสต์ Summer Sunshine Reggae ของ Spotify ได้อย่างเหมาะเจาะเหมาะสม

ทยอยโปรโมตผลงาน

ก่อนการเปิดตัว EP ทีมงานของ Khalia ได้ใช้วิธีทยอยโปรโมตซิงเกิลจำนวนหนึ่งของเธอด้วย Marquee และ Showcase ในตลาด 7 แห่ง โดยมีหลายซิงเกิลที่ได้ร่วมงานกับศิลปินอื่นๆ เช่น Shaggy และ Tanya Stephens ทำให้กลุ่มแฟนเพลงของ Khalia เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จากแคมเปญเหล่านี้ และเป็นฐานให้กับความสำเร็จในการเผยแพร่ EP ของเธอ "เพลง 'No Answer' เป็นเพลงที่ได้ร่วมงานกับ Tanya Stephens ซึ่งมีฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งส่งผลดีต่อ Khalia ด้วยเนื่องจากทั้งคู่เป็นศิลปินหญิงชาวจาเมกาเหมือนกัน เรากำหนดเป้าหมายไปยังผู้ฟังตัวยงและผู้ฟังระดับปานกลาง เพราะต้องการเจาะกลุ่มสำคัญที่เข้าถึงยากที่สุดจากบรรดาแฟนเพลงของทั้งคู่ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมหลังการเผยแพร่มากที่สุด" Adam Gross ประธานของ Ineffable Records กล่าว

โปรโมตในสัปดาห์เผยแพร่ให้ถึงขีดสุด

ในระหว่างสัปดาห์ที่เผยแพร่ผลงาน Marquee ได้แนะนำ Stay True ให้ผู้ฟังรู้จักในตลาดเดิม 7 แห่งในฐานะซิงเกิลที่ปล่อยตามมา แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จ โดยมีผู้ฟังหนึ่งในสามบันทึกหรือเพิ่มแทร็กจาก EP นี้ลงในเพลย์ลิสต์ไว้สตรีมในภายหลัง

รักษายอดสตรีม

ในเดือนธันวาคม ทีมงานของ Khalia ได้เพิ่มแทร็ก 6 รายการจาก EP ลงใน Discovery Mode เพื่อสู้กับความนิยมที่ลดลงไปตามฤดูกาล ซึ่งส่งผลให้ยอดสตรีมโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากกว่า 440% "เดือนธันวาคมมักจะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับวงการเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพลงที่มีกลิ่นอายของฤดูร้อน ซึ่ง Discovery Mode ช่วยให้เรายังเข้าถึงแฟนคลับใหม่ๆ ต่อไปได้ในช่วงที่ความนิยมลดลงเนื่องจากฤดูกาล" Gross กล่าวต่อ

ความสามารถของ Campaign Kit ในการดึงดูดผู้ฟังทั้งหน้าเดิมและหน้าใหม่จากศิลปินที่มีการร่วมงานกันช่วยให้ Khalia และทีมงานขยายฐานแฟนเพลงได้สำเร็จ

วิธีที่ทำให้ผลงานของ Luis R Conriquez ติดชาร์ตใหญ่ๆ

ศิลปินแนวลาติน Luis R Conriquez และทีมงานที่ Downtown Music ได้ใช้ Campaign Kit เป็นตัวช่วยให้อัลบั้มล่าสุดของศิลปินที่ชื่อว่า Corridos Bélicos, Vol. IV ติดชาร์ตตามเป้าหมายได้สำเร็จ การจับคู่แคมเปญ Marquee กับ Showcase ทำให้ได้ผลลัพธ์สุดอลังการ นั่นคือยอดการบันทึกและเพิ่มลงในเพลย์ลิสต์เกือบ 2 ล้านครั้งและยอดสตรีม 10 ล้านครั้ง นอกจากนี้ อัลบั้มดังกล่าวยังติดอันดับที่ 5 ในชาร์ต Billboard Top Latin และขณะนี้ก็อยู่ในอันดับที่ 13 บนชาร์ต "อัลบั้มยอดนิยมในเม็กซิโก" ของ Spotify ด้วย

ตักตวงจากกระแสตั้งต้น

ในช่วงสัปดาห์ที่เผยแพร่ผลงาน ทีมงานมุ่งเน้นไปที่การดึงดูดผู้ฟังในตลาดสองแห่งที่มีการสตรีมผลงานของ Luis มากที่สุด นั่นคือสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก โดยทำแคมเปญ Marquee ก่อนเผยแพร่ผลงาน 2 วันเพื่อให้กระแสในวันเผยแพร่ยิ่งร้อนแรง ตามด้วยแคมเปญ Showcase ในสองสัปดาห์ต่อมา กลยุทธ์นี้มีเป้าหมายเป็นการดึงดูดกลุ่มผู้ฟังทรงคุณค่าโดยใช้หัวเรื่อง "คุณอาจชอบ" ใน Showcase "Marquee ช่วยเตือนให้ผู้ฟังรู้ว่าอัลบั้มสุดยิ่งใหญ่นี้เผยแพร่แล้ว และ Luis ก็เป็นศิลปินคนสำคัญที่ไม่ควรพลาด" Geoffrey Halliday รองประธานฝ่ายการตลาดประจำ Downtown Artist & Label Services กล่าว

ลงทุนเป็นสองเท่ากับอัลบั้มเวอร์ชันดีลักซ์

ทีมงานใช้กลยุทธ์ในทำนองเดียวกันนี้กับการเปิดตัวอัลบั้มในเวอร์ชันดีลักซ์ที่มีเพลงใหม่ 11 เพลงอีกครั้ง โดยทำแคมเปญ Marquee กับการเผยแพร่ผลงาน ตามด้วยแคมเปญ Showcase ในสองสัปดาห์ต่อมา แต่คราวนี้ใช้หัวเรื่อง "เพลงใหม่" เพื่อเรียกความสนใจแทน "อัลบั้มดีลักซ์มีเพลงใหม่จำนวนมาก เราจึงต้องการเพิ่มการรับรู้ให้สูงสุดโดยใช้แนวทางที่มีลำดับต่อเนื่องแบบเดียวกัน Marquee คืออาวุธในการโปรโมตอันดับแรกของเรา ตามมาด้วย Showcase ที่ใช้สานต่อกระแสนั้น" Daniela Gutiérrez ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดประจำ Downtown Artist & Label Services กล่าว

ผู้ฟังที่เห็น Marquee โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา มีแนวโน้มที่จะบันทึกอัลบั้มมากกว่าผู้ฟังอื่นๆ ถึงประมาณ 3 เท่า

Luis และทีมงานใช้ Campaign Kit เสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งเจ้าพ่อเพลงลาตินได้เป็นอย่างดีผ่านการวางแผนที่พิถีพิถัน

วิธีที่ William Black พัฒนาฐานแฟนเพลง

William Black ศิลปินแนว EDM และทีมงานที่ Lowly & Create Music Group ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในปี 2023 จากการขายตั๋วการแสดงหมดเกลี้ยงในระหว่างการออกทัวร์ที่สหรัฐอเมริกา และการเปิดตัวอัลบั้ม The Nature of Hope ที่มีผู้ฟังรอคอยเป็นจำนวนมาก เป้าหมายเหล่านี้สำเร็จได้จากการใช้ Campaign Kit ช่วยเปลี่ยนผู้ฟังที่ไม่ตั้งใจสตรีมผลงาน ให้กลายมาเป็นผู้ฟังที่ตั้งใจฟังเพลงของเขาซึ่งสตรีมอัลบั้มนี้มากกว่าผู้ฟังอื่นๆ ถึงประมาณ 6 เท่า

เพิ่มยอดสตรีมก่อนเผยแพร่ผลงาน

ในช่วงหลายเดือนก่อนการเปิดตัวอัลบั้ม Discovery Mode มีบทบาทสำคัญในการช่วยเพิ่มสตรีมโดยเฉลี่ยประมาณ 385% และแนะนำเพลงของ William Black ให้ผู้ฟังหน้าใหม่รู้จัก อีกทั้งทีมงานยังทยอยโปรโมตซิงเกิล 4 รายการด้วย Marquee และ Showcase ไปพร้อมๆ กันด้วย "เป้าหมายของเราคือการหาผู้ฟังใหม่ๆ หรือผู้ฟังที่ไม่ได้ตั้งใจสตรีมแล้วเปลี่ยนให้กลายมาเป็นแฟนตัวยง เมื่อผู้ฟังเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในวงจรแฟนเพลงแล้ว เรารู้ว่าพวกเขาจะคอยติดตามเพลงใหม่ๆ และการแสดงสดด้วย" Mat Herbers ผู้อำนวยการอาวุโสของฝ่ายการตลาดที่ Lowly & Create Music Group กล่าว

ผลงานที่เห็นถึงความสำเร็จได้อย่างชัดเจนก็คือซิงเกิล "My Own Advice" ซึ่งเป็นการร่วมงานกับศิลปินแนว EDM ที่ออกทัวร์ด้วยกันอย่าง ILLENIUM ทั้งนี้ ผู้ฟังเกือบ 50% ที่เข้าถึงผ่าน Showcase เป็นผู้ฟังใหม่ของ William Black "ตัวเลข 50% ที่ได้เห็นนั้นน่าประทับใจมาก การใช้ Campaign Kit ช่วยให้เราสามารถดึงคนให้เข้ามาเป็นแฟนคลับได้จริงๆ" Herbers กล่าว

กระตุ้นความสนใจของผู้ฟังทั่วๆ ไป

หลังจากเผยแพร่อัลบั้ม The Nature of Hope แล้ว ทีมงานก็เดินหน้าทำแคมเปญ Marquee และ Showcase ต่อโดยครั้งนี้กำหนดเป้าหมายไปยังผู้ฟังทั่วๆ ไปมากขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มผู้ฟังระดับเล็กน้อย ปานกลาง และที่เคยเจาะจงฟังเพลงของ William Black แคมเปญ Showcase ซึ่งเน้นเจาะกลุ่มผู้ฟังชาวแคนาดาด้วยหัวเรื่อง "เทรนด์ที่กำลังฮิต" ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก โดยกระตุ้นให้ผู้ฟังสตรีมเพลงมากกว่าผู้ฟังกลุ่มอื่นๆ ถึงประมาณ 6 เท่า

Campaign Kit ช่วยให้ William Black และทีมงานเปลี่ยนกระแสในปีแห่งความสำเร็จครั้งใหญ่นั้นมาเป็นกลุ่มแฟนคลับบน Spotify ตัวจริงได้

วิธีเริ่มต้นใช้งานเครื่องมือ Campaign Kit

แม้ว่าศิลปินทุกรายจะใช้การเสนอเพลงเข้าเพลย์ลิสต์ได้ แต่ Discovery Mode ยังคงให้บริการเฉพาะศิลปินที่มีสิทธิ์ในตลาดกว่า 90 แห่งทั่วโลก รวมถึง Showcase และ Marquee ที่ยังคงให้บริการเฉพาะศิลปินที่มีสิทธิ์ในตลาด 7 แห่งทั่วโลกเท่านั้น ทั้งนี้ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของแต่ละเครื่องมือได้ที่ Discovery Mode, Marquee และ Showcase

นอกจากนี้ ยังสามารถไปที่เว็บไซต์ Campaign Kit เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราสามารถช่วยให้คุณและทีมงานบรรลุเป้าหมายได้ ไม่ว่าจะต้องการเพิ่มยอดผู้ฟังด้วยผลงานใหม่ ดึงดูดแฟนๆ ให้กลับมามีส่วนร่วมกับแคตตาล็อกของคุณอีกครั้ง เฉลิมฉลองวันครบรอบการเปิดตัวผลงาน พัฒนากลุ่มผู้ฟังใหม่ๆ ทั่วโลก และอื่นๆ อีกมากมาย รอติดตามส่วนดังกล่าวไว้ได้เลย ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเราจะมีการเปิดตัวการสัมมนาผ่านเว็บ ข้อมูลเชิงลึก และสื่อการเรียนรู้อื่นๆ เพิ่มเติม

และหากคุณสนใจที่จะโปรโมตเพลงของตัวเองด้วย Campaign Kit ก็สามารถไปที่แท็บแคมเปญใน Spotify for Artists บนเดสก์ท็อปเพื่อเริ่มสร้างแคมเปญได้เลย

Spotify for Artists ช่วยคุณพัฒนาฐานแฟนที่คุณต้องการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

แชร์เรื่องราวนี้